เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๖ มี.ค. ๒๕๖๒

เทศน์เช้า วันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๒

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรมๆ นะ ฟังธรรมเพื่อความตอกย้ำ อานิสงส์ของการฟังธรรมเราก็รู้อยู่ แต่มันก็ลืมๆ ไปไง พอมันได้ฟังธรรมมันสะเทือนใจนะ โอ้โฮ! ขนลุกเลย นี่อานิสงส์ของการฟังธรรมๆ

ฟังธรรม ฟังธรรมเพื่ออะไร เพื่อตอกย้ำของเราให้อยู่ใกล้ชิดพระพุทธศาสนา ถ้าไม่ใกล้ชิดพระพุทธศาสนามันไปตามกิเลสตัณหาความทะยานอยาก

เวลากิเลสตัณหาความทะยานอยาก เรารู้ว่าสิ่งที่ไม่ดี แต่สิ่งที่ไม่ดี แต่เวลาเราเผอเรอไง การเผอเรอมันก็ฟูขึ้นมาอย่างนั้น เพราะทุกคนมีอยู่ในหัวใจทั้งสิ้น เพราะทุกคนมีอยู่ในหัวใจทั้งสิ้นมันถึงเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะๆ

การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา หลวงตาท่านพูดประจำ ไม่มีวาสนา ไม่มีโอกาสได้นับถือศาสนาพุทธ ไม่มีอำนาจวาสนาไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ

แต่เราอยู่กับพระพุทธศาสนา เราเห็นการประพฤติปฏิบัติของพระ การประพฤติปฏิบัติของชาวพุทธ เราขยะแขยงไง เวลาเช้าก็ตักบาตร ตกเย็นตีไก่ กลางคืนกินเหล้า เล่นการพนัน พระพุทธศาสนาสอนอย่างนั้นหรือ

พระพุทธศาสนาสอน เวลาพระพุทธศาสนาสอน สอนให้มีทาน ศีล ภาวนา เวลาให้มีทาน ศีล ภาวนา เวลาสอนแล้วมันจะประพฤติปฏิบัติหรือไม่ นั่นเป็นเรื่องส่วนบุคคล นั่นเป็นเรื่องของเขา นั่นเป็นเรื่องของกิเลสหนากิเลสบางแต่ละบุคคลไป มันจะโทษศาสนาไม่ได้ มันต้องโทษคนที่มานับถือพระพุทธศาสนา

แล้วคนมีสติปัญญามากน้อยแค่ไหน เขาจะดัดแปลงของเขาให้เข้าถึงพระพุทธศาสนาได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าเขานับถือพระพุทธศาสนาได้มาก เวลาคนเราเวลาเห็นโทษในวัฏสงสารจะมาบวชพระๆ บวชพระมาเพื่อประพฤติปฏิบัติไง

เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ เวลาบริษัท ๔ บริษัท ๔ ไง ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา หน้าที่ของภิกษุๆ หน้าที่ของภิกษุผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เวลาภิกษุขึ้นมา ภิกษุที่เห็นภัยในวัฏสงสารเวลาออกบวชแล้วจะประพฤติปฏิบัติ นี่วิปัสสนาธุระ

เวลาคันถธุระ คันถธุระเขาศึกษาแล้ว ศึกษาแล้วเพื่อจะเผยแผ่ธรรมไง เผยแผ่ธรรมเพื่อการปกครองไง

เวลาเป็นพระแล้ว พระประเภทใด พระมีเป้าหมายอย่างใด พระจะปฏิบัติอย่างใด

เวลาปฏิบัติแล้ว มาปฏิบัติๆ ปฏิบัติแล้วประสบความสำเร็จก็มี ปฏิบัติแล้วมีความล้มลุกคลุกคลานก็มี ปฏิบัติแล้วมีความท้อแท้ก็มี ปฏิบัติแล้วมันจะมีมากน้อยแค่ไหนมันอยู่ที่อำนาจวาสนาของคนๆ อำนาจวาสนามาจากไหน

เวลาคนที่มีบารมีๆ หลวงตาท่านสอนประจำ คนที่จิตใจกว้างขวางจะมีพรรคพวกมาก คนที่จิตใจคับแคบจะไม่มีใครคบเลย

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าจิตใจคับแคบๆ เวลาคับแคบ คับแคบเรื่องอะไรล่ะ คับแคบก็คับแคบในหัวใจของมันไง แต่ถ้ามันยิ่งใหญ่ในธรรมๆ มันจะไปคับแคบที่ไหน มันจะไปคับแคบที่ไหน

ถ้ามันไม่คับแคบ มันคัดเลือกคัดแยกสิ่งที่เป็นความดีและความชั่ว ถ้าเป็นความดีๆ ความดีใครๆ ก็ปรารถนาแต่ความดีทั้งสิ้น แต่ความชั่วไม่มีใครต้องการๆ เวลาความชั่วไม่มีใครต้องการ เวลามันบิดพลิ้วไง ต้นคด เวลามันคดมันงอขึ้นมา มันดีดมันดิ้นของมัน ว่า “เป็นธรรมๆ เป็นธรรมนะ ให้ใจกว้างขวางๆ”

เอาสิ่งนั้นเข้ามาในหัวใจเราใช่ไหม นี่ไง เวลาทางการแพทย์เขาจะมีวัคซีนป้องกันโรคเลย

นี่ก็เหมือนกัน เวลาในทางศาสนา มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา ศีลนี้สำคัญมาก ศีลสำคัญมาก เวลาคนที่ประพฤติปฏิบัติวิตกกังวลเรื่องศีลเลยแหละ เวลาเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา เวลาถ้ามันได้ผลได้ประโยชน์ขึ้นมาคือมันสุขมันสงบมันระงับเข้ามา มันมีความพอใจนะ มันมีความสุขอยู่บ้าง

เวลามันทำแล้วทำไม่ได้ มันลังเลสงสัยไปหมด มันเป็นเพราะอะไรๆๆ มันจะค้นคว้าเลยว่าเราผิดอะไรมาบ้าง นี่ถ้ามันไม่รู้ แต่ถ้าคนที่มันรู้ๆ อยู่ เราทำความผิดอะไรมามันรีบปลงอาบัติเลย

เราเคยธุดงค์ เราเคยอยู่คนเดียว เวลาก่อนออกธุดงค์เราพยายามค้นคว้าในบุพพสิกขาไง ถ้าไปอยู่ที่ใดอยู่องค์เดียว ถ้ามีการพลาดพลั้งเป็นอาบัติขึ้นมา ให้ตั้งขึ้นมาในใจว่า ถ้ามีพระมาเมื่อไหร่เราจะปลงอาบัติ

เราตั้งใจว่า เรายอมรับว่าเราเป็นอาบัติแล้ว แต่เราไม่มีพระที่เราจะปลงอาบัติได้ ถ้าเราไม่มีพระที่ปลงอาบัติได้ ให้นึกขึ้นมาในใจว่า ถ้ามีพระองค์ใดมาหรือเราเจอพระเมื่อไหร่เราจะรีบปลงอาบัติทันที มันก็เหมือนกับความที่มันจะมายุมาแหย่มันก็หยุดทันทีใช่ไหม

แต่ถ้าเรายังเป็นอาบัติอยู่ ยังสงสัยอยู่ มันจะกวนใจไปเรื่อยแหละ แล้วเวลาภาวนาๆ มันจะภาวนาอย่างไร ภาวนาลงที่ไหน

เวลาจะออกประพฤติปฏิบัติเราก็ค้นคว้ามาเหมือนกัน เวลาเราดูบุพพสิกขา มหาขันธ์ต่างๆ ศึกษาๆ ศึกษาเพื่อเป็นแนวทาง แนวทางไว้เพราะเราจะเข้าสังคมไง เข้าสังคมพระๆ ถ้าเราไม่รู้กติกาสิ่งใดเลยมันก็เรื่องหนึ่ง

แต่รู้แล้ว รู้มากรู้น้อยขนาดไหนนะ เวลาเข้าหมู่แล้ว การประพฤติการปฏิบัติ การกระทำในข้อเท็จจริงนั้นน่ะ ภิกษุอายุพรรษาเหลื่อมกัน ๓ พรรษา ห้ามนั่งอยู่บนม้านั่งเดียวกัน

เพราะในสมัยพุทธกาลมีภิกษุนั่งอยู่พร้อมกันแล้วม้ามันหัก มันล้มลง ฉะนั้น มันหักแล้ว ทีนี้ภิกษุถ้าสูงต่ำกันเกิน ๓ พรรษา ห้ามนั่งในที่อาสนะเดียวกัน

เวลาภิกษุที่มีพรรษาอ่อนกว่า ภิกษุที่เป็นครูบาอาจารย์ท่านไม่ใส่รองเท้า เราใส่รองเท้าเดินเข้าไปใกล้ท่านในระยะ ๖ ศอก เป็นอาบัติทุกกฎ

ภิกษุ ครูบาอาจารย์ที่ท่านกำลังฉันอาหาร เราจะเข้าไปกราบท่าน ต้องให้ท่านฉันเสร็จก่อน ถ้าไม่เสร็จก่อนเข้าไปกราบ เป็นอาบัติทุกกฎ

นี่เป็นอาบัติๆ ศึกษาๆ มา แล้วทำเป็นหรือเปล่า ทำได้หรือเปล่า

นี่ไง ธรรมและวินัยสำคัญมาก สำคัญมากว่าให้อยู่ในกรอบ ให้รับรู้ แล้วมันเหมือนกฎหมาย ประชาชนไทยปฏิเสธว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้

บวชเป็นพระ เราจะบอกว่าไม่รู้ธรรมวินัยไม่ได้ มันบังคับใช้ทันทีเลย แล้วมันเป็นอาบัติทันที

แล้วมันก็มีอาบัติปาจิตตีย์อยู่ข้อหนึ่งว่า ไม่เอื้อเฟื้อในวินัย คือไม่ทำตามไง ไม่ทำตามนั้น คือไม่เอื้อเฟื้อ ไม่เห็นคุณของวินัย เป็นอาบัติทุกกฏเลย ไม่เอื้อเฟื้อคือต่อต้าน ขัดแย้ง ไม่เห็นด้วย ปาจิตตีย์ๆๆ นี่ไง มันอยู่ในพระไตรปิฎกในตัวมันเองเลย

นี่ไง เวลาคนเราปฏิบัติมาเป็นอาบัติ เพราะหนึ่ง เผลอ ทำไปโดยไม่รู้ สงสัย ทำไป แล้วผิดโดยการกระทำนั้นจริง เป็นอาบัติหมด

อู้ฮู! แล้วศาสนาถ้ามันอาบัติอย่างนี้ ถ้ามันสงสัยๆ เราก็สงสัย บวชมาใครไม่สงสัย ถ้ามันสงสัยแสดงว่าเป็นอาบัติทั้งวันเลย

สงสัยก็คือสงสัย แต่เราสงสัยในตัวเราเอง เราไม่ได้สงสัยในข้อธรรมวินัยเป็นข้อๆ นั้นไป ถ้าวินัยเป็นข้อๆ นั้นไป เราทำแล้วเราพลิกแพลงไป นี่ธรรมและวินัย ถ้ามันศึกษามาๆ ภิกษุ ภิกษุณี ละเอียดกว่า อุบาสก อุบาสิกา

อุบาสก อุบาสิกา เราศึกษา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมวินัยนี้ไว้เพื่อคุณประโยชน์กับเรา

คนเราทำหน้าที่การงานมาปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เวลาโตขึ้นมาแล้ว อาชีพแล้วมันมั่นคงแล้ว มันมีเวลาของเราแล้ว แล้วชีวิตมันคืออะไร มันจะหาโอกาสแล้ว หาโอกาสเพื่อจะค้นคว้าหาสัจจะความจริงถ้ามันมีสติปัญญานะ

แต่ในทางโลกเขาพูดทุกคนเลย เก็บเงินไว้ พอเกษียณแล้วจะไปรอบโลก ทุกคนจะไปเที่ยวรอบโลก ฟังทุกคนเลยนะ เก็บเงินไว้ๆ เสร็จแล้วจะไปเที่ยวรอบโลก

แต่มึงไม่รู้จักรอบหัวใจเลยหรือ ไปเที่ยวรอบโลกกลับมาก็มาแก่ชราภาพไง เก็บเงินทั้งชีวิตเลย ไปบินเที่ยวรอบโลกรอบหนึ่ง กลับมาแล้วก็มารอวันตาย

แต่ถ้าคนที่มีสติปัญญานะ เราใกล้พระพุทธศาสนา เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี แล้ววัฒนธรรมประเพณีของชาวพุทธเรามันมั่นคงยั่งยืนมาได้เพราะเหตุใด

เวลาครูบาอาจารย์ของเรามาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ถ้าในใจของท่านเป็นธรรมๆ มันระบือลือลั่น

หลวงตาท่านพูดนะว่า เราได้ยินกิตติศัพท์กิตติคุณของหลวงปู่มั่นตั้งแต่ท่านเป็นเด็กๆ ตั้งแต่ท่านเป็นเด็กๆ

ครูบาอาจารย์องค์หนึ่งท่านประพฤติปฏิบัติของท่านองค์หนึ่ง แล้วพยายามประพฤติปฏิบัติให้เป็นสัจจะความจริงขึ้นมา เพื่อต้านกระแสสังคมว่ามรรคผลไม่มี เพื่อต้านกระแสสังคมว่ากึ่งพุทธกาลศาสนามันหมดวาระไปแล้ว

มีบุคคลคนหนึ่งพยายามประพฤติปฏิบัติขึ้นมาเพื่อต้านกระแสสังคม สังคมทั้งสังคม ทั้งโลกไม่เชื่อเรื่องมรรคเรื่องผลน่ะ แล้วครูบาอาจารย์ที่ท่านประพฤติปฏิบัติขึ้นมาแล้วท่านใช้ชีวิตของท่านเป็นหลักประกันน่ะ แล้วทำจนสังคมเริ่มยอมรับๆ ยอมรับเพราะอะไร เพราะพฤติกรรมของท่าน ชีวิตทั้งชีวิตนะ

ดูคนทุกข์คนจนอยู่ในป่าในเขาสิ อาชีพเก็บของป่าๆ ทั้งชีวิตเขาทุกข์ลำบากทั้งชีวิตเลย สัตว์ป่า สัตว์ป่าอยู่ในป่ามันก็ทุกข์ของมัน

หลวงปู่มั่นท่านอยู่ในป่าของท่านประจำ ท่านไม่ออกมาเมืองหรอก ท่านไปมันมีแต่คนจะอ้อนวอนออดอ้อนออเซาะพยายามจะนิมนต์ท่านเข้ามาเพื่อโปรดชาวบ้าน

แต่ในหลักสัจจะความจริงของท่าน ไอ้พวกนี้ไอ้พวกกะล่อน เป็นสัตว์ประหลาด คิดอย่างหนึ่ง พูดอย่างหนึ่ง ทำอย่างหนึ่ง เวลาพูดกับมัน มันจะเข้าใจหรือไม่

แต่ท่านใช้ชีวิตของท่าน เวลาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่เสาร์ท่านบอกว่า “ทำไมหลวงปู่เสาร์ท่านเทศน์สั้นๆ”

“ทำให้มันดูมันยังไม่ทำเลย จะไปสอนอะไรมัน”

ท่านใช้ทั้งชีวิตของท่านทำให้เห็นๆ ทำให้เราดูเป็นตัวอย่างเป็นแบบอย่างเลย พอเป็นตัวอย่างเป็นแบบอย่างขึ้นมา ท่านใช้ชีวิตของท่านทั้งชีวิตอยู่ในป่าในเขา ในป่าในเขาท่านมีความสุขของท่านๆ

ดูสิ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์ ถ้าไม่ใช่อำนาจวาสนาบารมีการเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะรื้อสัตว์ขนสัตว์ ท่านก็เสวยวิมุตติสุขของท่านในใจของท่าน

พระอัญญาโกณฑัญญะเป็นสงฆ์องค์แรกของโลก เวลาสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วเข้าไปอยู่ในป่าในเขามาทั้งชีวิตเลย วันจะนิพพานมาลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เวลาครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นธรรมๆ ท่านมีวิมุตติสุข ท่านมีความสุขในใจของท่าน ท่านจะอยู่ที่ไหนก็มีความสุข อยู่ในป่าในเขามีความสุขไง

แต่ของเรา เราบอกเลย อยู่ในป่าในเขามันทุกข์มันยากขนาดไหน ดูสิ ดูคนป่าคนดอยเขามีแต่ความทุกข์ทั้งนั้นน่ะ เพราะเขาไม่มีโอกาสในการทำธุรกิจของเขา เขาไม่มีโอกาสใดๆ ทั้งสิ้น นี่อำนาจวาสนาของคนไง

แต่ถ้าคนมีสติมีปัญญามันดูแลรักษาหัวใจของตน นี่สุขที่แท้จริงไง

นี่ก็เหมือนกัน เวลาทำหน้าที่การงานแล้วไง เกษียณแล้วจะไปเที่ยวรอบโลก แต่มันไม่คิดถึงหัวใจของมันเลย

แต่ถ้าคนมีสติปัญญา เราทำหน้าที่การงานของเรา เราทำหน้าที่การงานของเรา สิ่งนี้มันต้องเลี้ยงชีวิตไง ชีวิตนี้มันต้องเกิดโดยสัจจะโดยความจริงอยู่แล้ว นี่เป็นสัจจะเป็นความจริง เป็นทางสาธารณะที่ใช้ร่วมกัน

นี่ก็เหมือนกัน ชีวิตเราต้องเป็นแบบนี้ ต้องเกิดแน่นอน ผลของเวรของกรรมมันต้องเกิดของมัน ไม่เกิดในสถานะใดก็ต้องเกิดในสถานะหนึ่ง เราไปปิดกั้นมันไม่ได้ เราไปบิดเบือนมันไม่ได้ ไปบิดเบือนธรรมชาติไม่ได้

สัจธรรมนี้เป็นธรรมชาติ เรื่องเวรเรื่องกรรมเป็นธรรมชาติอันหนึ่ง แล้วเรามีเวรมีกรรมต่อกันเราถึงได้มาเกิดจากพ่อจากแม่เดียวกัน เรามีเวรมีกรรมต่อกัน ถ้าเราไม่มีเวรมีกรรมต่อกัน เราจะไม่มาพบกัน

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คนที่เกิดมาที่เรามาเห็นหน้ากัน เราไม่เคยมีเวรมีกรรมในภพใดชาติใดเลยไม่มี เราต้องสร้างเวรสร้างกรรมในภพใดชาติใดร่วมกันมา เราถึงได้มาพบกันในชาตินี้ เราถึงได้มาเห็นหน้ากัน เราถึงได้มาต่อเวรต่อกรรมเสริมบุญกุศลต่อเนื่องกันไปถ้าคนทำคุณงามความดี มันเป็นสัจจะเป็นความจริง นี่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ

แต่วิทยาศาสตร์พยายามพิสูจน์ๆๆ เขาจะเชื่อไม่เชื่อนั่นมันเรื่องของเขา แต่มันเป็นศรัทธาความเชื่อของเรา แล้วถ้าพิสูจน์ได้ พิสูจน์ได้ด้วยหัวใจนี้

เวลาจิตถ้ามันสงบเข้ามาแล้วนะ ฤๅษีชีไพรเขาระลึกอดีตชาติได้ นั่นเรื่องของฤๅษีชีไพร นี่มันเรื่องฤๅษีชีไพรคือเรื่องของโลก เรื่องของสัจจะข้อเท็จจริง แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บุพเพนิวาสานุสติญาณระลึกอดีตชาติได้ จุตูปปาตญาณ อนาคต ถ้ามันไม่สิ้นสุด อาสวักขยญาณนี้สำคัญ อาสวักขยญาณ สัจธรรมที่มาชำระล้างกิเลส

ดูสิ พญามาร นางตัณหา นางอรดีไปช่วยพ่อเลย จะเอาเจ้าชายสิทธัตถะเอาไว้ในอำนาจเลย เห็นไหม ดูมารสิ เวลามารที่มันปรึกษากันว่า มันพยายามจะทำอย่างไรจะให้หัวใจของสัตว์โลกอยู่ในอำนาจของมัน เวลาการต่อสู้มีการกระทำมันเห็นชัดเห็นเจนของมันไง อันนี้เป็นธรรมาธิษฐานที่ให้เห็นเป็นรูปธรรมขึ้นมา

แต่เวลาเป็นความจริงๆ ความจริงในหัวใจที่ประพฤติปฏิบัติขึ้นมา การกระทำอันนั้นมันสำคัญมาก ถ้าสำคัญมาก ตรงนั้นถ้ามันจบแล้ว อย่างอื่นเป็นเครื่องอาศัยทั้งสิ้นไง

ชีวิตเรา เราก็อาศัยชีวิตเราเท่านั้น ปัจจัยเครื่องอาศัย จิตใจที่เป็นธรรมๆ สิ่งนี้มันเป็นประโยชน์กับโลก เราก็ใช้แค่นี้แหละ คนเรามันก็ใช้ปัจจัย ๔ เพื่อดำรงชีพเท่านั้น แต่ดำรงชีพ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดำรงชีพเพื่อสามโลกธาตุ ดำรงชีพแบบหลวงตา ท่านช่วยโลก ช่วยประเทศ

แล้วดำรงชีพของเรา ดำรงชีพไว้ทำไม ดำรงชีพไว้เพื่อไปหาหมอ หมอบอกห้ามกินไอ้นี่ๆๆ ดำรงชีพไว้ให้หมอรักษาหรือ

เพราะเราอาศัยเขาหมดน่ะ เราไม่มีสิทธิ ไม่มีเสรีภาพ ไม่มีภราดรภาพ ไม่รู้จักตนเลยหรือ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีคุณค่าขนาดนั้นเชียวหรือ

ถ้าธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีคุณค่าขนาดนั้นน่ะ เราเป็นชาวพุทธๆ ถ้าเราชาวพุทธถ้าเรามีสติปัญญาขึ้นมา เราขวนขวาย เราแสวงหา ที่เรากระทำๆ มา เราเกิดเป็นมนุษย์ไง มนุษย์ต้องมีหน้าที่การงาน งานทางโลกงานเพื่อหาผลประโยชน์ตอบแทนของเขา ถ้าเราเป็นบุญกุศล พระก็ทำหน้าที่การงานเพื่อศาสนา ถ้าเรามีวาสนาเราก็ทำบุญของเรา เราทำบุญกุศลของเราก็เพื่ออำนาจวาสนาของเรา เราทำแล้ว เห็นไหม

ศาสนานี้ไม่มีของฟรี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คนมีการกระทำมันมีผลตอบแทนทั้งนั้น มันจะมีมากมีน้อยขนาดไหน มีมากมีน้อยที่ความสะอาดบริสุทธิ์ด้วยเจตนาอันนั้นไง ถ้ามันมีเล่ห์มีเหลี่ยม มีเล่ห์กลของมันนะ มันก็มีเล่ห์กลปิดกั้นหัวใจของมันไปไง

ถ้ามันทำด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ ทำบุญทิ้งเหว ทำบุญไม่หวังผลตอบแทน ทิ้งเหวๆๆ ทำแล้วจบ ก็ทำแล้ว ความดีมันสมบูรณ์แล้ว ปฏิคาหก ใครจะเห็นไม่เห็นมันเรื่องของเขา เราทำบุญของเราแล้วมันเป็นประโยชน์กับเรา นี่ผู้ที่จิตใจที่สูงส่ง จิตใจที่สูงส่งไม่ต้องประกาศนะ

แต่เดิมเมื่อก่อนจะทำบุญกุศลต้องประกาศต้องโฆษณากัน หักภาษี หย่อนภาษี ให้สายสะพาย มันก็เลยมีการโกงกัน โกงกัน พยายามวิ่งเต้นเพื่อให้ได้สายสะพาย ได้อะไร นั่นเรื่องโลกๆ ทั้งนั้นเลย

แต่ถ้าเราทิ้งเหวนะ ทิ้งเหวเพราะอะไร ทิ้งเหวเพราะจิตใจเรายิ่งใหญ่ จิตใจเรามั่นคงอยู่แล้ว เราต้องการบุญกุศลจริงๆ มันแค่ ๑๐๐ ปีเท่านั้นน่ะ จะมีสิ่งใดก็แล้วแต่มันต้องคืนไว้กับโลก แต่ความดีมันไปกับเรา ถ้าความดีไปกับเรา เราจะไปติดอะไร

เราเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกนะ จริงๆ เห็นโลกเขาทำกันอย่างนู้นอย่างนี้เป็นเรื่องตลก เวลามันก็เข้ากันกับเพลงไง โลกนี้คือละคร มันก็เล่นบทอะไรกัน

แต่ถ้าเราเป็นความจริง เรามาวัด วัดก็คือวัด วัดคือวัดหัวใจของเรา แล้วดูสังเกตุเขา เขาทำอย่างไรกัน เวลาเขาทำอย่างไรกันนะ

เวลาคนเคยมาที่นี่แล้วเขาย่ำยีเลย บอกเขาถวายข้าวพระพุทธ ทำไมทำไม่ได้ เพราะอะไร

เพราะเขาศึกษาในพระไตรปิฎกไง เขาศึกษาในบาลี การถวายข้าวพระพุทธกันมันมีทั้งนั้นน่ะ แต่เทศน์บัญญัติมันมีเว้ย วัตรปฏิบัติก็ของเขา วัดวัดหนึ่งเขาเคารพบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าไม่ถวายข้าวพระพุทธ ไม่เคารพพระพุทธเจ้าใช่ไหม ไม่เคารพพระพุทธเจ้า เป็นพระได้อย่างไร ไม่เคารพพระพุทธเจ้า เป็นสาวกได้อย่างไร ไม่เคารพพระพุทธเจ้า ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำไมไม่เคารพพุทธะ

ทำหัวใจให้สงบ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน พุทธะกลางหัวใจนั่นไง เขาเคารพด้วยการประพฤติปฏิบัติ เขาเคารพด้วยสดๆ ร้อนๆ เขาเคารพโดยการบูชา เขาไม่เคารพด้วยการเอาข้าวไปถวายพระพุทธไง

แล้วพอทำแล้ว จะทำน่ะ จะทำเพราะอะไร เพราะฉันศึกษามา ฉันถูกต้อง

แต่เทศน์บัญญัติเขามี วัดบ้าน วัดปฏิบัติ เขานั่งกันสงบเสงี่ยม เขานั่งกันด้วยความเรียบร้อย เอ็งจะเหยียบหัวเขาไปเลย ไปถวายข้าวพระพุทธหรือ เอ็งเก่ง โอ๋ย! เก่งมาก

ดูกิเลสสิ กิเลสที่มันอยู่ในใจของคนมันเหยียบย่ำไป เหยียบย่ำเพราะอะไร เพราะมันศึกษามาก มันรู้มาก

แต่ถ้ามันเป็นความจริง ศึกษาก็รู้ ข้าวพระพุทธนี้เป็นสัญลักษณ์ เวลาไปนิมนต์ทำบุญบ้าน พระ ๙ องค์ต้องมีกะละมังอยู่ข้างหน้า นั่นคือของพระพุทธเจ้า เพราะพระบวชมาพระเป็นลูกศิษย์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เวลาทำบุญบ้านน่ะ พระ ๗ องค์ก็มีภาชนะอันหนึ่งอยู่เหนือบาตรของพระ นั่นเป็นของพระพุทธเจ้า เขาต้องถวายพระพุทธเจ้า ก็เป็นสัญลักษณ์ เป็นประเพณี ด้วยการแสดงความกตัญญู

แต่วัดปฏิบัติ วัดปฏิบัติเขาต้องการความเรียบง่าย วัดปฏิบัติเขาต้องการประพฤติปฏิบัติ วัดปฏิบัติเขาต้องการค้นคว้าหาหัวใจ วัดปฏิบัติกันเขาขุดค้นขึ้นมา เขาเอาความจริงขึ้นมา

แล้วเวลาเขาไปสังเวชนียสถานทั้ง ๔ จะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระกรรมฐาน พุทโธ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต เราเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตัวเป็นๆ เราเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความชื่นบาน เราเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน จิตเดิมแท้นี้ผ่องใส

มันไม่เคยเห็นน่ะ แล้วเห็นก็ไม่รู้จักอีกนะ เห็นแล้วนี่คืออะไร ก็ดวงอาทิตย์ไง ดูดวงอาทิตย์สิ แสงสว่างครอบโลกเลย แล้วใจเอ็งสว่าง สว่างอย่างไร รู้ขึ้นมาอย่างไร

ถ้าเป็นความจริงนะ ถ้าเป็นความจริง ผู้ที่จะเป็นครูบาอาจารย์ของเราท่านมีประสบการณ์ของท่าน ท่านจะอธิบายให้เราฟังได้ ท่านจะรู้ถึงสัจจะความจริงอันนั้น

แต่พวกเราตาบอดคลำช้าง แล้วก็มา แหม! ศึกษามาเยอะ รู้มากๆ รู้มากจนตาบอด แล้วจะฟาดฟันเขาตลอด งวงจะฟาดฟันเขาไปตลอด จะเหยียบย่ำเขาไปด้วยตีนช้าง ตีนมันใหญ่ ตัวมันใหญ่มันเหยียบย่ำเขาไปหมดด้วยทิฏฐิด้วยมานะ ด้วยความอหังการว่ากูรู้ แต่ความจริงโง่

ถ้าคนที่เขารู้เขาฉลาดนะ เขาไปที่ไหน เทศน์บัญญัติ วัดใดก็แล้วแต่เขามีหัวหน้าของเขา ถ้าหัวหน้าที่ดีงามเขาวางธรรมและวินัย เขาวางข้อวัตรปฏิบัติ อย่างเช่นหลวงปู่มั่นท่านทำจนสังคมเชื่อถือศรัทธา

ถ้าเราเปิดหัวใจ เราศึกษาว่าควรหรือไม่ควร ทำได้หรือไม่ได้ แล้วทำได้หรือไม่ได้แล้วมาศึกษา ทำไมถึงไม่ได้ พอรู้ถึงเป้าหมายความตั้งใจของท่าน ไม่ได้เพราะไม่ให้หัวใจมันฟู ไม่ให้กิเลสมันอหังการ ตบกิเลสมันลง พยายามให้กิเลสในใจเราเบาบางลง ไม่ใช่ยิ่งส่งเสริมมันกระพือมัน

แล้วความไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่ไปวัดจะไปทำบุญ ไปกระพือกิเลสไง ไปอวด อีโก้ อยากใหญ่ นี่มันมีประโยชน์อะไร คนโง่ก็โง่ตลอดไป ถ้าคนฉลาดได้ศึกษาเสียหน่อย ได้ศึกษานะ แต่มันต้องมีความละเอียดลึกซึ้ง จิตใจที่ควรแก่การงานมันจะศึกษาได้ศึกษาเป็น แล้วจะเห็นคุณค่าของพระพุทธศาสนา

นี่ไง ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า “จะสอนใครได้หนอ จะสอนใครได้หนอ” เพราะมันลึกลับซับซ้อนในใจของคนทำ แต่มันไม่ลึกลับซับซ้อนทางวิชาการเลย นี่ไง จิตแพทย์ กรณี จิตแพทย์เวลาเขาศึกษากัน จิตวิทยาเขารู้หมด วิเคราะห์ได้หมดเลย จิตใต้สำนึก จิตก่อนสำนึก แต่มันก็ยังหาเงินอยู่น่ะ

จิตใต้สำนึก จิตก่อนสำนึก รักษาเขาน่ะ แต่จ่ายตังค์มา จ่ายตังค์มา มันยังไม่ได้คิดถึงจิตของมันเลย ไม่รู้จัก โลก วิชาชีพ เป็นวิชาการการหาเงิน

แต่ธรรมะของเรานะ ทิ้งเหวๆๆ เอาความจริงของเราเข้ามา แล้วถ้าจิตมันเป็นไปได้ตามจริงนะ ในบรรดาสัตว์สองเท้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด

ในบรรดาสัตว์สองเท้า เราก็เป็นสัตว์สองเท้ามีชีวิตจิตใจเหมือนกัน มีอำนาจวาสนามากน้อยแค่ไหนเพื่อฟื้นฟูหัวใจของเรา เอวัง